จอดรถตากแดด มีผลเสียต่อรถยนต์อย่างไร?
ปัญหาที่จอดรถ เป็นอีกหนึ่งปัญหาโลกแตกสำหรับชาวกรุง ยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยแล้วบางครั้งถึงขั้นปวดหัวกันเลยทีเดียว เพราะด้วยพื้นที่จอดรถที่มีจำกัด บวกกับปริมาณรถที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมกับความเร่งรีบในการไปทำธุระปะปังต่าง ๆ บ่อยครั้งการจอดรถกลางแจ้งทำให้ต้องจอดรถตากแดด จึงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หากมีความจำเป็นที่จะต้องจอดเป็นครั้งคราวก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ในกรณีที่ต้องจอดรถตากแดดกลางแจ้งอยู่เป็นประจำนั้น แสงแดดและอุณหภูมิสามารถทำลายรถของคุณให้เสียหายได้ ในบทความวันนี้เราจะพาไปดูผลเสียต่อรถยนต์เมื่อทำการจอดรถตากแดดบ่อยๆ กัน
ความร้อนที่สูงขึ้นเท่าตัวเมื่อต้องจอดรถตากแดด
ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 35 องศา คุณรู้หรือไม่ว่าการจอดรถตากแดดช่วงเวลาเที่ยง ๆ นั้น สามารถทำให้อุณหภูมิในห้องโดยสารดับเบิ้ลขึ้นไปอีกเท่าตัว จาก 35 อุณหภูมิในรถตากแดด จะกลายเป็น 70 องศาได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ก็อย่างที่เราเห็นกันตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์นั่นแหละ กรณีที่ลืมเด็กเอาไว้ในรถแล้วเสียชีวิต จะว่าไปความร้อนในรถนี่ก็น่ากลัวไม่น้อยเหมือนกันเลยนะ
เพราะจริง ๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตนั้นมาจากความร้อนมากกว่าที่จะเกิดจากการขาดอากาศหายใจ เพราะด้วยลักษณะของรถที่เป็นพื้นที่ปิด และยังสามารถสะสมความร้อนเอาไว้ในรถได้เวลารวดเร็วด้วยนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากเตาอบดี ๆ นี่เอง เมื่อคนเราต้องอยู่ในสภาวะที่ร้อนมาก ๆ ร่างกายก็จะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก และเมื่อถึงจุดที่ร่างกายทนไม่ได้ จะส่งผลให้เลือดกลายเป็นกรด และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายหยุดทำงาน
ผลเสียของการจอดรถตากแดดที่คุณอาจจะนึกไม่ถึง
ความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นจากการจอดรถตากแดดทิ้งไว้กลางแจ้งนั้น ส่งผลโดยตรงกับชิ้นส่วนต่าง ๆ หรืออุปกรณ์ภายในรถยนต์ของคุณด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนประกอบที่เป็นยางและพลาสติก ซึ่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าแพ้ความร้อน เช่น คิ้วขอบประตูหรือกระจก, ยางหุ้มพวงมาลัย, ใบปัดน้ำฝน และชิ้นส่วนพลาสติกในห้องโดยสาร เป็นต้น เมื่อต้องจอดรถตากแดดเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วนเหล่านี้สั้นลง เกิดการแข็งและกรอบแตกตามมา เช่นเดียวกันกับเบาะที่นั่งที่เป็นหนัง ก็จะถูกแสงแดดและความร้อนทำลายให้เกิดความเสียหายได้
ในส่วนของสิ่งของหรือวัตถุอื่น ๆ ที่คุณทิ้งไว้ในห้องโดยสารนั้น กรณีที่น่ากลัวที่สุดคือ การลืมอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ทิ้งไว้ในรถยนต์ เช่น โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์พกพา, แบตเตอรี่สำรอง รวมไปถึงไฟแช็ก เนื่องจากความร้อนที่เพิ่มสูงมากขึ้น สามารถทำให้เกิดการระเบิดและรถยนต์เกิดไฟไหม้ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ความร้อนที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้ของเหลวต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องโดยสาร เช่น น้ำหอมปรับอากาศ หรือ น้ำยาเคลือบเบาะหนัง ทำให้เกิดการระเหยตัวออกมา ซึ่งหลังจากที่กลับเข้าไปที่รถ เมื่อสูดดมเข้าไปเป็นจำนวนมาก จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ หรืออาจมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ผลเสียต่อระบบปรับอากาศ หรือระบบแอร์รถยนต์
โดยทั่วไปหลังจากที่คุณจอดรถตากแดดเอาไว้ และเมื่อเสร็จจากการทำธุระ กลับมาที่รถเปิดประตู สตาร์ทเครื่อง สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะทำก็คือ การเร่งแอร์ให้เย็นที่สุด เพื่อไล่อากาศร้อนออกไป แต่การที่จะทำให้ห้องโดยสารที่มีอุณหภูมิมากกว่า 50 องศาเย็นขึ้นได้นั้น จะต้องใช้เวลานานกว่าจะปรับอุณหภูมิให้ลดลงมาอยู่ในระดับที่เย็นสบายได้ ระบบปรับอากาศก็จะต้องทำงานแบบสูงสุดเป็นระยะเวลานาน ทั้งในเรื่องของการเปิดพัดลมแรงสุดและปรับอุณหภูมิให้ต่ำ ๆ นั่นหมายความว่าจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของระบบปรับอากาศให้สั้นลงนั่นเอง